WHAT ABOUT OKR ??
OKR คืออะไร ?
OKR มาจากคำว่า Objective and Key Result
O (Objective) แปลว่า เป้าหมาย (ความฝัน)
KR (Key Result) แปลว่า สิ่งที่วัดความสำเร็จ หรือ ตัวชี้วัดที่แสดงว่าเราบรรลุเป้าหมาย
WHY DO WE CHANGE FROM KPI TO OKR ??
ความแตกต่างระหว่าง OKR และ KPI
- KPI มีผลโดยตรงกับผลตอบแทนที่พนักงานได้รับ หรือที่เราอาจะเรียกกันว่า Compensation KPI แต่สำหรับ OKR ไม่ได้ยึดติดกับผลตอบแทน
- OKR จำมีการประกาศให้ทุกคนในองค์กรได้ทราบ และจะมีการทบทวนเป็นไตรมาส หรือ 4 ครั้งต่อปี แต่ KPI นั้นจะไม่มีการประกาศ และทบทวนแค่ ปีละ 1-2 ครั้ง
- OKR เป็นการท้าทายระบบการทำงานแบบใหม่ ในขณะที่ KPI นั้น จะยึดติดกับหลักการทำงานแบบเดิม
- OKR มุ่งเน้นในการปรับปรุงงานหรือพัฒนาศักยภาพ
- OKR สร้างความเชื่อมโยงเป้าหมายของแต่ละหน่วยงานให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน
- OKR สามารถสร้างความท้าทายใหม่ และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้บริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดด (Leapfrog)
- OKR สามารถควบคุมผลลัพธ์ได้บางส่วน แต่ในขณะที่ KPI นั้นสามารถควบคุมผลลัพธ์ได้ทั้งหมด
- OKR มาจากการเสนอแนะจากพนักงานที่ปฏิบัติงาน ส่วน KPI นั้นเป็นข้อกำหนดที่ถูกตั้งโดยผู้บริหารเท่านั้น (Top to down)
สิ่งสำคัญสำหรับการใช้ระบบ OKR คือการสร้างแนวทางสู่ความสำเร็จและการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน (Clear path to success) ตัวอย่างของบริษัทที่ใช้ระบบ OKR อย่างเช่น Google จะมีการกำหนดเป้าหมาย หรือการประกาศ OKR ของแต่ละแผนกให้ทุกคนได้รับทราบ ซึ่งการประกาศนั้น จำเป็นต้องมีความชัดเจน (Clarity) ไม่เช่นนั้นจะมีคำถามจากเพื่อนร่วมทีมและเพื่อนร่วมแผนกเนื่องจากความไม่ชัดเจนของเป้าหมาย นอกจากนี้ OKR ยังทำให้พนักงานเกิดความมีส่วนร่วมในความคิดและในการทำงาน (Engage) จุดประสงค์ของการประกาศ OKR คือ สร้างแรงกดดัน(Preasure) และสร้างความกระตือรือร้นให้กับพนักงาน ให้เกิดความรับผิดชอบกับเป้าหมายที่ได้รับ
HOW TO USE OKR WITH UR BUSINESS ??
เราจะสามารถนำ OKR มาประยุกต์ใช้กับองค์กรเราได้อย่างไรบ้าง ??
กฎของการทำ OKR คือ
- การกำหนดวัตถุประสงค์ ของ OKR ไม่ควรจะเกิน 3 ข้อ
- ข้อมูลโปร่งใสทุกคนสามารถเห็นได้
- วัตถุประสงค์ที่กำหนดต้องมีความเชื่อมโยงกัน
- ต้องสร้าง OKR Ambassador หรือผู้เชี่ยวชาญด้าน OKR ขึ้นในองค์กร โดยทำหน้าที่ในการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ จัดเก็บข้อมูลและติดตามความคืบหน้าทุก 1-2 สัปดาห์
ในการทำ OKR จะทำปีละครั้ง แบ่งยอดขายออกมาเป็นไตรมาสและหากไปได้ ก็มีการทบทวนหรือติดตามความคืบหน้าทุกสัปดาห์ ภายใต้แต่ละ OKR จะมี Initiative หรือโครงการเพื่อทำให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
ขั้นตอนการทำ OKR
- 4-6 สัปดาห์ก่อนเริ่มนำ OKR มาใช้ต้องมีการประชุมของผู้บริหาร ระดับสูงก่อน เพื่อสร้าง OKR ในระดับบริษัทขึ้นมาก่อน ซึ่งถือว่าเป็นแผนงานของบริษัทในระยะ 1 ปีข้างหน้า
- 2 สัปดาห์ก่อนเริ่มนำ OKR มาใช้ต้องสรุปแผน OKR ในระดับบริษัท และสื่อสารหรือประกาศให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ
- สัปดาห์แรกของเดือน ที่เริ่มใช้ OKR ต้องมีการพัฒนา OKR ในระดับหน่วยงานหรือระดับทีม
- สัปดาห์ที่สองของเดือน ที่เริ่มใช้ OKR ต้องมีการหารือและพิจารณาผลลัพธ์หลัก (Objective) ระหว่างผู้บริหารระดับสูงและผู้บริหารหน่วยงาน เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน
- สัปดาห์ที่สามของเดือน ที่เริ่มใช้ OKR มีการติดตามความคืบหน้าของ ผลลัพธ์ (Objective) อย่างต่อเนื่องทุกๆ 1-2 สัปดาห์ หากไม่ได้ตามเป้าหมายทางผู้บริหารระดับสูงและผู้บริหารหน่วยต้องร่วมกันแก้ไข
- สัปดาห์สุดท้าย ของการใช้ระบบ OKR ไตรมาสที่ 1 ผู้บริหารหน่วยงานประเมินคะแนน OKR ของตนเอง สะท้อนถึงความสำเร็จหรือปัญหาที่เกิดขึ้นในการดำเนินงาน และนำไปปรับปรุงแก้ไขในไตรมาสต่อไป
การนำ OKR มาใช้ทั่วทั้งองค์กรในครั้งแรกมีความเสี่ยงค่อนข้างสูง หลายๆองค์กรจึงนิยมนำมาปรับใช้แค่บางหน่วยงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือ หน่วยงานด้านนวัตกรรม และเมื่อประสบความสำเร็จแล้วจึงค่อยนำมาปรับใช้แผนกอื่นๆ จนถึงทั่วทั้งองค์กร ซึ่งการทำ OKR ให้ได้ผลนั้นต้องได้รับการยินยอมจากผู้บริหารระดับสูงก่อน
แหล่งอ้างอิง : https://www.okr-thai.com/okr-guide/
.
.
#mitsumoto #mitsumotothailand #endcap #dustcap #OKR #ObjectiveKeyResult #plastic #blog #polymer #dipping #จุกปิดกันฝุ่น #จุกป้องกันฝุ่น